1. ตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์(ตัวทำความเย็น)เป็นประจำทุกวัน

ตู้แช่แข็งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ามาตรฐานทัวไปที่มีโอกาสเสียได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใหม่แกะกล่อง,ตู้แช่เวียนใช้ หรือยี่ห้อดีราคาแพงแค่ไหน ก็มีโอกาสเสียเหมือนกัน ทางร้านไม่รับประกันว่าตู้แช่จะไม่เสีย แต่สัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวใหม่ภายใน 24 ชม. หลังได้รับแจ้ง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

กรณีคอมเพรสเซอร์เสีย ตัวเครื่องจะทำหน้าที่เหมือนกระติกน้ำแข็ง สามารถเก็บความเย็นได้ถึง 4 วัน จากนั้นน้ำแข็งถึงจะเริ่มละลาย หากตรวจสอบเป็นประจำแล้วรีบแจ้งเมื่อพบว่าเครื่องเสียก็จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ก่อนนมละลายและจะช่วยรักษาคุณค่าของนมใว้ได้

วิธีตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ให้เอามือวางใว้บนฝาตู้แช่เบาๆ ในจังหวะที่คอมเพรสเซอร์ทำงานตู้จะสั่นและมีเสียงดังเบาๆ โดยคอมเพรสเซอร์จะทำงาน(สั่น) ประมาณ 10 นาที สลับกับหยุดทำงาน(ไม่สั่น) ประมาณ 10 นาที เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา หากพบว่าคอมเพรสเซอร์หยุดทำงานมากกว่า 2 ชม. ให้รีบแจ้ง ทางร้านจะเข้าไปเปลี่ยนตู้แช่อย่างเร็วที่สุด

หากพบว่าคอมเพรสเซอร์เสียในเวลากลางดึก(นอกเวลางาน) ไม่ต้องตกใจเพราะตัวเครื่องยังจะสามารถเก็บความเย็นได้ถึง 4 วัน ให้ฝากข้อความใว้ที่แชท(LINE หรือ Facebook Messenger) ที่เคยติดต่อมาเช่าตู้แช่ ในตอนเช้าเราจะรีบติดต่อกลับและนัดเอาตู้แช่เข้าไปเปลี่ยนให้เร็วที่สุด

กรณีไม่อยู่บ้านหลายวัน ควรจะต้องแซะน้ำแข็งตามรายละเอียดในข้อ 2. ก่อนเดินทาง
ไม่สามารถเช็คการทำงานคอมเพรสเซอร์จากไฟเขียวแทนการเช็คเครื่องสั่นได้ เพราะถ้าคอมเพรสเซอร์เสียไฟเขียวยังติดอยู่
ไม่แนะนำให้เช็คการทำงานคอมเพรสเซอร์จากการสังเกตุน้ำแข็งที่ข้างตู้แช่ละลาย เพราะถ้าน้ำแข็งละลายแสดงว่าคอมเพรสเซอร์อาจจะเสียมาหลายวันแล้ว

จากประสบการณ์การให้บริการที่ผ่านมา เราพบว่ามีโอกาสน้อยมากที่ตู้แช่จะเสีย ซึ่งมีปริมาณเพียง 1 ใน 1,000 ถึงจะมีโอกาสน้อยอย่างไรมันก็มีโอกาสเกิดขึ้น แต่หากเราช่วยกัน ลูกค้าคอยตรวจสอบที่หน้างาน ทางร้านเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนตู้ เราจะสามารถแก้ไขเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้ทันและช่วยรักษาคุณค่าของนมแม่ใว้ได้

2. แซะน้ำแข็งบริเวณขอบปากประตูเป็นประจำ

น้ำแข็งที่ขอบปากประตูจะทำให้ฝาปิดไม่สนิทและความเย็นไหลออก คอมเพรสเตอร์ต้องทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน จนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คอมเพรสเซอร์พังเสียหาย

ตู้แช่แข็งขนาด 3.5 คิว และ 6.9 คิว เป็นตู้แช่ระบบธรรมดาที่อาจจะมีน้ำแข็งเกาะได้ ต้องคอยแซะน้ำแข็งที่ลามขึ้นมาตรงขอบปากประตู ส่วนน้ำแข็งที่เกาะผนังด้านในตู้แช่จะไม่ก่อปัญหาใดๆ ลูกค้าสามารถปล่อยใว้ได้ ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถใช้ตู้แช่จนหมดสัญญาเช่าโดยไม่ต้องละลายน้ำแข็งเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณจะชื้นของแต่ละบ้าน
ส่วนตู้แช่แข็งทรงสูงขนาด 5.1 คิว เป็นระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัตไม่ต้องแซะน้ำแข็งตลอดการใช้งาน

ตรวจสอบน้ำแข็งเกาะเป็นประจำทุกวัน
เปิดฝาตู้แช่ตรวจดูทุกเช้า โดยเปิดฝาให้สุดเราจะเห็นว่ามีเศษน้ำแข็งที่เกาะสะสมตอนกลางคืนแตกออก ให้ใช้นิ้วสะกิดออก หากทำเป็นจะประจำทุกวันจะสามารถให้นิ้วสะกิดออกได้โดยง่าย แต่หากทิ้งไว้หลายวันน้ำแข็งจะเกาะหนาจำเป็นจะต้องใช้ที่แซะน้ำแข็ง(แถมให้)แซะออก

แซะน้ำแข็งป็นประจำทุกวันสัปดาห์
ใช้ที่แซะน้ำแข็ง แซะน้ำแข็งที่ลามขึ้นมาตรงขอบปากประตูส่วนที่เป็นชิ้นพลาสติกทั้งหมดและแซะเผื่อเข้าไปด้านผนังในด้านตู้อีกประมาณ 1 นิ้ว ตามรูป ให้แซะเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งหรือก่อนออกเดินทางไกลไม่ได้อยู่บ้านหลายวัน

3. ทำความสะอาดยางขอบประตู
ยางขอบประตูฝั่งด้านนอกจะมีละอองน้ำเกาะอยู่ที่ตลอด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชื้นในแต่ละบ้าน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เหมือนหยดน้ำที่เกาะแก้วน้ำเย็น หากละอองเขื้อราที่มีอยู่ทั่วไปลอยมาเกาะก็จะทำให้เกิดราสีดำที่ขอบประตูได้
เชื้อราจะเกิดที่ยางขอบประตูฝั่งด้านนอกเท่านั้น ไม่สามารถจะเจริญเติบโตในฝั่งด้านในตู้แช่ที่มีอุณหภมิติดลบได้ จึงควรจะทำความสะอาดเป็นประจำ

วิธีทำความสะอาดยางขอบประตู
ใช้ผ้าชุบน้ำร้อนเช็ดทำความสะอาดยางขอบประตูให้ทั่วเป็นประจำเดือนละครั้ง

ตู้แช่แข็งทรงสูงขนาด 5.1 คิว ยางขอบประตูมีเทคโนโลยีลดและป้องกันการเกิดเชื้อรา ทำให้เชื้อราเกิดขึ้นยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้น จึงควรต้องหมั่นทำความสะอาดยางขอบประตูเช่นกัน

4. ตรวจสอบไฟบอกสถานะการทำงาน
ไฟบอกสถานะหน้าเครื่อง ไฟเขียว(ไฟเข้า)ต้องติดเพียงดวงเดียวเท่านั้น

ส่วนไฟสีส้มตัวเป็นเร่งความเย็น ใช้ตอนติดตั้งครั้งแรกที่ให้เครื่องเย็นเร็วขึ้นประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นต้องกดสวิตซ์เพื่อปิด
หากเปิดตัวเร่งความเย็นค้างไว้จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักติดต่อการเป็นเวลานานและพังเสียหายได้

ไม่สามารถเช็คการทำงานคอมเพรสเซอร์จากไฟเขียวแทนการเช็คเครื่องสั่นได้ เพราะถ้าคอมเพรสเซอร์เสียไฟเขียวยังติดอยู่